-- ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในเอเชียอาคเนย์ V --
.. จิตรกรรมผนังเล่าเรื่อง ..
โดย .. นางสาวมยุรินทร์ กุลวงศ์ ..
จิตรกรรม (Painting) หมายถึง ผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการขีดเขียน การวาด
และระบายสี เพื่อให้เกิดภาพ เป็นงานศิลปะที่มี 2 มิติ
เป็นรูปแบบไม่มีความลึกหรือนูนหนา
แต่สามารถเขียนลวงตาให้เห็นว่ามีความลึกหรือนูนได้
ความงามของจิตรกรรมเกิดจากการใช้สีในลักษณะต่าง ๆ กัน
จิตรกรรมวัดป่าฮวก
ที่มา : http://www.sac.or.th/
จิตรกรรมวัดป่าฮวก
จิตรกรรมวัดป่าฮวกศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24-25 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก แต่ต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ
ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในแถบนี้ก็ได้
ด้านหลังพระพุทธรูปประธานของวัดป่ารวกเขียนเป็นภาพธรรมชาติ
เช่นภูเขา โขดหินและสัตว์ป่า ประหนึ่งว่าพระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ภายในป่าหิมพานต์ ด้านบนปรากฏอาคารซึ่งพระพุทธเจ้าแวดล้อมด้วยพระสาวกกำลังนั่งฟังธรรมอยู่
จิตรกรรมวัดป่าฮวก
ที่มา : http://www.sac.or.th/
จิตรกรรมวัดป่าฮวก
ภาพเล่าเรื่องนี้เป็นภาพตอนพระเจ้าชมพูบดีกำลังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ที่
แปลงตนเองเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ โปรดสังเกตว่าพระเจ้าชมพูบดีกำลังตกตะลึงกับความงดงามของเมืองและปราสาทราช
วังของพระพุทธเจ้า การเขียนภาพชมพูบดีที่วัดป่าฮวกใกล้กับพระราชวังหลวงพระบาง อาจเกี่ยวข้องกับการยกสถานะเจ้ามหาชีวิตแห่งหลงพระบางให้เทียบเท่ากับพระจักรพรรดิก็ได้
แม้ว่ารูปแบบของจิตรกรรมที่นี่แสดงความพยายามในการเลียนแบบศิลปะรัตนโกสินทร์อย่างมาก เช่น การวาดภาพปราสาทและเครื่องแต่งกายบุคคลเป็นต้น แต่การใช้สีของจิตรกรรมที่นี่กลับแปลกออกไปกว่าศิลปะรัตนโกสินทร์
โดยเฉพาะการเน้นสีส้ม
จิตรกรรมวัดป่าฮวก
ที่มา : http://www.sac.or.th/
จิตรกรรมวัดป่าฮวก
จิตรกรรมที่นี่มีความพิเศษอย่างมากเนื่องจากมีการวาดภาพ “คนจีน” แทรกลงไปในจิตรกรรมไทยประเพณี ซึ่งลักษณะเช่นนี้แตกต่างไปจากจิตรกรรมที่กรุงเทพ
คนจีนเหล่านี้มีทั้งบุรุษและสตรี โดยการแต่งตัวแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ชนชาติอย่างชัดเจน
อนึ่ง ต้องไม่ลืมว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการติดต่ออย่างมากระหว่างจีนกับรัตนโกสินทร์
ซึงอิทธิพลดังกล่าวอาจเลยมาถึงหลวงพระบางเช่นกัน
จิตรกรรม เรื่อง ออกมหาอภิเนากรมณ์และมารวิชัย
ที่มา : http://www.sac.or.th/จิตรกรรมเรื่องออกมหาภิเนษกรมณ์และมารวิชัย
จิตรกรรมนี้เป็นภาพตอนออกมหาภิเนษกรมณ์ โดยเป็นภาพเจ้าชายสิทธัตถะกำลังขี่ม้ากัณฐกะเหาะอยู่ด้านบนท้องฟ้า
ส่วนด้านล่างเป็นรูปมารวิชัยโดยพระแม่ธรณีกำลังบีบมวยผมเพื่อให้น้ำท่วมกอง ทัพมาร การเขียนแบบทัศนียวิทยาแบบตะวันตกทำให้น้ำท่วมประหนึ่งว่าเป็นภาพที่มองลงมาจากด้านบน (Bird Eye View)
อิทธิพลรัตนโกสินทร์ที่ปรากฏในภาพเขียน เช่น การวาดภาพปราสาทราชวังและตัวละคร
รวมถึงการวาดท้องฟ้าสีฟ้าและทัศนียวิทยาตามแบบความเป็นจริงซึ่งแสดงให้เห็นการเข้ามาของอิทธิพลตะวันตก จิตรกรรมนี้จึงอาจเกี่ยวข้องกับศิลปะรัตนโกสินทร์ในสมัย
รัชกาลที่ 4-5
จิตรกรรมบนหน้าบัน สิมวัดหาดเสี้ยว
ที่มา : http://www.sac.or.th/
จิตรกรรมบนหน้าบัน สิมวัดหาดเสี้ยว
จิตรกรรมนี้เป็นภาพพุทธประวัติตอนตอนก่อนและหลังตรัสรู้ เช่น ตอนตัดพระเกศาที่แม่น้ำอโนมานที
ตอนพระอินทร์ดีดพิณสามสาย ตอนมารวิชัย ตอนสัตตมหาสถานเป็นต้น
เป็นที่น่าสังเกตว่าเนื่องจากช่างต้องการเน้นย้ำตอนมารวิชัยให้เป้นตอนที่สำคัญที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงใช้ตอนมารวิชัยวางไว้ด้านบนสุด ส่วนตอนอื่นๆ คือ ตอนตัดพระเกศาและตอนสัตตมหาสถานกลับแบ่งกันด้านล่างของหน้าบัน
อิทธิพลรัตนโกสินทร์ที่ปรากฏในภาพเขียน เช่น การวาดท้องฟ้าสีฟ้าและทัศนียวิทยาตามแบบความเป็นจริงซึ่งแสดงให้เห็นการเข้า
มาของอิทธิพลตะวันตก จิตรกรมนี้จึงอาจเกี่ยวข้องกับศิลปะรัตนโกสินทร์ในสมัย รัชกาลที่
4-5
จิตรกรรมเรื่องพระเตมีย์
ที่มา : http://www.sac.or.th/
จิตรกรรมเรื่องพระเตมีย์
จิตรกรรมนี้เป็นภาพพระเตมีย์อันเป็นพระชาติแรกในทศชาติชาดก ตรงกลางเป็นภาพปราสาทขนาดใหญ่มีภาพพระเตมีย์นั่งบนพระเพลาของพระราชบิดาที่กำลังตัดสินความ ถัดจากภาพเป็นภาพพระเตมีย์แสร้างบ้าใบ้จนพระเทวีกรรแสง
ด้านบนเป็นภาพพระเตมีย์ยกรถและคนที่กำลังขุดหลุมเพื่อฝังพระเตมีย์ทั้งเป็น
ทวารบาลแบบจีน สิมวัดล่องคูณ
ที่มา : http://www.sac.or.th/ทวารบาลแบบจีน สิมวัดล่องคูณ
ทวารบาลแบบจีนนี้ แต่งตัวด้วยชุดเกราะตามแบบนักรบ (บุ๋น) และถืออาวุธตามแบบจีนซี่งเป็นลักษณะปกติของทวารบาลจีน
รวมถึงทวารบาลแบบจีนประยุกต์ในศิลปะไทย (เสี้ยวกาง)
เนื่องจากศิลปะหลวงพระบางช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 เป็นระยะที่ได้รับอิทธิพลรัตนโกสินทร์อย่างมาก ทำให้รูปทวารบาลแบบจีนตามพระราชนิยมในรัชกาลที่สามได้เข้ามาปรากฏในแถบนี้
บางวัด เช่น วัดล่องคูณเมืองหลวงพระบางเป็นต้น แต่อย่างไรต้องไม่ลืมว่า การที่เจ้านายบางพระองค์ในราชวงศ์หลวงพระบางได้เคยเสด็จมาประทับ
ณ กรุงเทพจึงอาจทำให้อิทธิพลรัตนโกสินทร์ปรากฏบทบาทอย่างมากในแถบนี้ก็ได้
ทวารบาล ลายประคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง
ที่มา : http://www.sac.or.th/ทวารบาล ลายคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง
แม้ว่าวัดเชียงทองอาจสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าไชยเชษฐาในพุทธศตวรรษ
ที่ 21-22 แต่สิมวัดเชียงทองน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่
23-24 ส่วนการตกแต่งด้วยลายคำและการประดับกระจกนั้นน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่
25
ในศิลปะล้านช้างสกุลช่างหลวงพระบาทราวพุทธศตวรรษที่ 25 การตกแต่งลายคำได้รับความนิยมอย่างมาก โดยส่วนมากมักประดับภายในอาคาร โดยผนังด้านหน้าวัดเชียงทอง
มีการประดับภาพ “เหล่าเทวดากำลังบูชาพระเจดีย์จุฬามณี”
อันงดงามมาก บริเวณผนังที่ขนาบทางเข้ายังปรากฏภาพ
“ทวารบาล” หรือเทวดาผู้รักษาประตูขนาดใหญ่
เทวดาเหล่านี้มักถือดอกโบตั๋นอันสื่อความหมายถึง “การบูชาพระพุทธเจ้า”
ผู้ประทับภายในอาคารนั้น ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ในศิลปะจีนที่เข้ามามีบทบาททั้งในศิลปะล้านช้างและล้านนา
ทวารบาล ลายคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง
ที่มา : http://www.sac.or.th/ทวารบาล ลายคำประดับผนังด้านในสิมวัดเชียงทอง
ในศิลปะล้านช้างสกุลช่างหลวงพระบาทราวพุทธศตวรรษที่ 25 การตกแต่งลายคำได้รับความนิยมอย่างมาก โดยส่วนมากมักประดับภายในอาคาร โดยผนังด้านหน้าวัดเชียงทอง
มีการประดับภาพ “เหล่าเทวดากำลังบูชาพระเจดีย์จุฬามณี”
อันงดงามมาก บริเวณผนังที่ขนาบทางเข้ายังปรากฏภาพ
“ทวารบาล” หรือเทวดาผู้รักษาประตูขนาดใหญ่
เทวดาเหล่านี้มักถือดอกโบตั๋นอันสื่อความหมายถึง “การบูชาพระพุทธเจ้า”
ผู้ประทับภายในอาคารนั้น ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ในศิลปะจีนที่เข้ามามีบทบาท
ทั้งในศิลปะล้านช้างและล้านนา
ที่มา : http://www.sac.or.th/
: https://www.baanjomyut.com/