-- ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในเอเชียอาคเนย์ IV --
.. ศิลปะโบราณสถาน โบสถ์ที่สะท้อนเรื่องราวต่างๆ ..
โดย .. นางสาว มยุรินทร์ กุลวงศ์ ..
โบสถ์ซานออกุสติน
ที่มา : http://www.sac.or.th
โบสถ์ซานออกุสติน
โบสถ์ซานออกุสติน เป็นโบสถ์เพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการทำลายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
มีประวัติว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ Legazpi สถาปนาอินทรามูรอส เดิมโบสถ์สร้างด้วยไม้แต่ถูกไฟใหม้เมื่อเทียนที่จุดบูชาหลุมศพนั้นเกิด
อุบัติเหตุ โบสถ์ปัจจุบันสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1599-1606 และยังคงปรากฏจนถึงปัจจุบัน
Façade ของโบสถ์ซานออกุสติน
มีองค์ประกอบแบบคลาสิก (Classic) กล่าวคือประกอบด้วย
หน้าบันสามเหลี่ยม (Pediment) ที่รองรับด้วยเสาโครินเธียน(ชั้นบน)และไอโอนิก
(ชั้นล่าง) ถึงอย่างนั้น ที่หน้าบันสามเหลี่ยมกลับปรากฏหน้าต่างดอกกุหลาบ (Rose
window) ซึ่งเป็นองค์ประกอบแบบโกธิค ที่ด้านข้างปรากฏหอระฆังซึ่งเดิมมี
2 หอแต่ปัจจุบันเหลือเพียงหอเดียวเนื่องจากภัยแผ่นดินไหวในศตวรรษที่
19
ภายในโบสถ์ซานออกุสติน
ที่มา : http://www.sac.or.th
ภายในโบสถ์ซานออกุสติน
ภายในโบสถ์ซานออกุสตินมะนิลา เพดานเป็นวงโค้ง (Tunnel Vault) วาดภาพสถาปัตยกรรมลวงตาบนเพดาน
(Trompe l’oeil) จิตรกรรมนี้วาดขึ้นโดยจิตรกรชาวอิตาเลี่ยนจำนวนสองคนใน ค.ศ.1875
ที่ปลายสุดของโบสถ์เป็นแท่นบูชาประดิษฐานเซนต์เจมส์ถือดาบ ซึ่งเป็นนักบุญประจำประเทศสเปน
โบสถ์เมืองปาวาย
ที่มา : http://www.sac.or.th
โบสถ์เมืองปาวาย
โบสถ์เมืองปาวาย (Paoay) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองโลวากประมาณ 25 กิโลเมตร ถือเป็นตัวอย่างโบสถ์แบบสเปนที่เก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะฟิลิปปินส์ โดยได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วยโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1699 แต่ต่อมาได้พังทลายลงเนื่องด้วยแผ่นดินไหว จึงมีการสร้างใหม่ใน ค.ศ.1710 ซึ่งยังคงปรากฏมาถึงปัจจุบัน
แผงด้านหน้าของโบสถ์เมืองปาวาย สร้างขึ้นด้วยอิฐและปูนปั้น อันแตกต่างไปจากผนังด้านข้างที่สร้างด้วยหินปะการัง แผงด้านหน้า (façade)
ที่นี่ประดับด้วยเสาติดผนัง
6 ต้น ซึ่งแบ่งแผงด้านหน้าออกเป็น 5 ส่วน
ด้านบนครอบด้วย
pediment แบบคลาสิก แต่มีที่แขวนระฆังขนาดเล็กอยู่ด้านบนสุดของหน้าบันด้วย
ในส่วน nave ปรากฏประตูอาร์คโค้งเพียงบานเดียว และไม่มีประตูสำหรับ aisle ส่วนที่บริเวณหน้าจั่ว
(Tympanum) ปรากฏอาร์ควงโค้งเพื่อทำห้าที่เป็นหน้าต่างและซุ้ม นอกจากนี้ยังมีการประดับตราอาร์มของตระกูลที่อุปถัมภ์โบสถ์ดังกล่าว
ภายในโบสถ์เมืองปาวาย
ที่มา : http://www.sac.or.th
ภายในโบสถ์เมืองปาวาย
ภายในโบสถ์เมืองปาวาย เป็นโบสถ์ที่ปรากฏแท่นบูชา (altar) จำนวนสามซุ้มตามความนิยมของโบสถ์เมืองโลวาก-วีกัน ซุ้มกลางประดิษฐานนักบุญออกุสติน ส่วนซุ้มด้านข้างประดิษฐานพระเยซูและครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ โบสถ์มีความยาวมากแต่มีหลังคาเป็นเครื่องไม้มุงสังกะสี น่าสังเกตว่าหลงคาแบบง่ายๆเช่นนี้ เป็นความนิยมของโบสถ์สกุลช่างเมืองโล วาก-วีกัน
อาสนวิการเมืองวีกัน
ที่มา : http://www.sac.or.th
อาสนวิหารเมืองวีกัน
อาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน ถือเป็นโบสถ์ที่โดดเด่นที่สุดในเมืองวีกัน โบสถ์แห่งนี้เริ่มต้นโดยบาทหลวงนิกายออกุสติน
เริ่มสร้างครั้งแรกใน ค.ศ.1644
ส่วนที่เป็นอาคารหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใน
ค.ศ. 1799
แผงด้านหน้าของอาสนวิหารเมืองวีกันมีลักษณะเป็นแบบคลาสิก กล่าวคือ ตรงกลางประกอบด้วยหน้าบันสามเหลี่ยม pediment รองรับด้วยเสาไอโอนิคในชั้นบนและดอริคในชั้นล่าง ส่วนขื่อที่อยู่ระหว่างชั้นล่างและชั้นบนนั้นแสดงลวดบัวตามระเบียบ
entablature แบบคาสิกอย่างชัดเจน ซุ้มโค้งตรงกลางปรากฏรูปเซนต์ปอลขี่ม้า และด้านบนหน้าบันปรากฏสัญลักษณ์ของเซนต์ปอล คือ ดาบและใบปาล์มอันเป็นสัญลักษณ์ของมรณสักขี
(martyrdom ) แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นแบบคลาสิก แต่ก็ยังสามารถสังเกตองค์ประกอบเล็กน้อยที่ออกแบบตามแบบบารอกและตามแบบจีน ได้ เช่นการประดับถ้วยรางวัล (trophy) และการนำเอาสิงโตหินแบบจีนมาประดับ
ภายในอาสนวิหารเมืองวีกัน
ที่มา : http://www.sac.or.th
ภายในอาสนวิหารเมืองวีกัน
ภายในอาสนวิหารแห่งเมืองวีกันแห่งนี้ แสดงให้เห็นการแบ่งระหว่าง nave กับ aisle
อย่างชัดเจนกว่าโบสถ์อื่นๆในพื้นที่เดียวกัน การแบ่งนี้ใช้แถวเสาที่มีอาร์คเชื่อมโยงกันเป็นตัวแบ่ง นอกจากนี้ เพดานของ
nave ยังสูงกว่าเพดานของ aisle อย่างชัดเจน ทำให้มีการเจาะหน้าต่างด้านข้าง
nave ซึ่งูคล้ายคลึงกับศิลปะยุโรป แต่แตกต่างไปจากโบสถ์แห่งอื่นๆในพื้นที่เดียวกัน เพดานของโบสถ์ก็มีการ ตกแต่งโดยใช้สัน (rib) ตัดชันกันแต่ละช่วงเสา (bay) ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทำให้นึกไปถึงการก่อหลังคาแบบ
vault ของโบสถ์ในศิลปะโกธิค ที่ปลายสุดของ nave และ aisle
ปรากฏแท่นบูชา ส่วนด้านข้างในแต่ละช่วง bay ก็ปรากฏแท่นบูชาขนาดเล็ก ซึ่งคงทำหน้าที่แทนchapel
หอระฆังอาสนวิการเมืองวีกัน
ที่มา : http://www.sac.or.th
หอระฆังอาสนวิหารเมืองวีกัน
หอระฆังของอาสนวิหารเมืองวีกันมีลักษณะเป็นหอระฆังในสกุลช่างวีกัน
กล่าวคือ เป็นหอคอยในผังแปดเหลี่ยม ซ้อนกันขึ้นไปหลายชั้น แต่ละชั้นมีองค์ประกอบแบบคลาสิก เช่น อาร์คโค้งและเสาติดผนัง ส่วนด้านบนสุดปรากฏโดม หอคอยแบบแปดเหลี่ยมนี้แตกต่างไปจากสกุลช่างเมืองโลวากที่นิยมหอคอยสี่ เหลี่ยมมากกว่าอนึ่ง ในสกุลช่างวีกันและโลวาก หอคอยย่อมตั้งอยู่แยกจากตัวโบสถ์เสมอ เนื่องจากเกรงว่าหอระฆังอาจล้มทับตัวโบสถ์หากเกิดแผ่นดินไหว
แท่นบูชาประธานในอาสนวิการเมืองวีกัน
ที่มา : http://www.sac.or.th
แท่นบูชาประธาน :อาสนวิหารเมืองวีกัน
แท่นบูชาประธาน (Main Altar) ของอาสนวิหารแห่งเมืองวีกัน เป็นแท่นที่อุทิศให้กับพระเยซูประทับบัลลังก์กษัตริย์แห่งสวรรค์(Enthroned
Jesus) ด้านข้างยังปรากฏอัครสาวกอีกสององค์ คือเซนต์ปีเตอร์ (St.
Peter) ผู้ทรงมงกุฎพระสันตปาปาและถือกุญแจสวรรค์ และเซนต์แอนดรู
(St.Andrew) ผู้ผือไม้กางเขนรูปตัว X อันเป็นเครื่องที่ท่านถูกประหาร สำหรับรูปแบบแท่นบูชาประธาน
(Main Altar) มีการใช้ Cupid ในการตกแต่งและถือพวงมาลัย (garland) นอกจากนี้ การตกแต่งสถาปัตยกรรมด้วยถ้วยรางวัล (trophy) และโดมโค้งเว้า ซึ่งทั้งหมดแสดงการตกแต่งแบบบารอก (Baroque) ด้านบนสุดของแท่นบูชา ปรากฏนกเขาในรัศมีซึ่งแสดงสัญลักษณ์ของพระจิต (Holy Spirit)
โบสถ์ประจำสุสานเมืองวีกัน
ที่มา : http://www.sac.or.th
โบสถ์ประจำสุสานเมืองวีกัน
โบสถ์ประจำสุสาน (Cemetery Chapel)ซึ่งเรียกกันในภาษาพื้นเมืองว่า
Simbaan a Bassit ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองวีกัน สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1852 เป็นโบสถ์ขนาดเล็กที่มีแผงด้านหน้าแบบบารอคอย่างชัดเจน
โดยแบ่งแผงด้านหน้าออกเป็นห้าส่วนด้วยเสาติดผนัง ด้านบนปรากฏหน้าบันโค้งเว้าตามแบบบารอค ด้านข้างประดับด้วย volute
ขนาดใหย่ตามแบบบารอค และปรากฏประตูที่ใช้เป็นประตูเข้าไปสู่สุสาน การที่หน้าบันของ
façade ใช้เป็นที่แขวนระฆังด้วยนั้น ถือเป็นรูปแบบที่พบไม่บ่อยนักในศิลปะฟิลิปปินส์
(ส่วนนี้เรียกในภาษาสเปนว่า Espadraña)
โบสถ์ซานเซบาสเตียน
ที่มา : http://www.sac.or.th
โบสถ์ซานเซบาสเตียน
โบสถ์ซานเซบาสเตียนในมะนิลาถือเป็นโบสถ์เพียงไม่กี่แห่งในกรุงมะนิลาที่สร้างขึ้นตามแบบโกธิค ภายในเป็นโบสถ์ทีมีความสูงโปร่งและมีเสาที่ผอมบางอันเป็นการเลียนแบบศิลปะโกธิคตอนปลาย หลังคาเองก็ปรากฏ “สัน” (rib) ตัดกันจำนวนมากซึ่งเป็นการเลียนแบบศิลปะโกธิคตอนปลายหน้าต่างของโบสถ์แห่งนี้ประดับด้วยกระจกสี ทำให้ภายในโบสถ์ค่อนข้างมืดอันเป็นเทคนิคการจำกัดแสตามแบบโกธิค
แท่นบูชาภายในโบสถ์ซานเซบาสเตียน
ที่มา : http://www.sac.or.th
แท่นบูชาภายในโบสถ์ซานเซบาสเตียน
แท่นบูชาแห่งนี้ประดิษฐานแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล แม่พระ ทรงอุ้มพระกุมารด้านหนึ่งอีกด้านหนึ่งกำลังประทาน “สายจำพวก”
อันเป็นสัญลักษณ์ของการถือบวชให้กับนักบวชผู้จำศีลภาวนาอยู่ที่ภูเขาคาร์แมล
โบสถ์ซานเซบาสเตียนมในมะนิลา ถือเป็นโบสถ์เพียงไม่กี่แห่งในกรุงมะนิลาที่สร้างขึ้นตามแบบโกธิค
แท่นบูชาภายในเป็นประกอบด้วยยอดหอคอยแหลมและกรอบซุ้มโค้งแหลมแบบโกธิค ผนังด้านหลังปรากฏหน้าต่างรูปดอกกุหลาบซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบโกธิคเช่นกัน
ที่มา : http://www.sac.or.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น