-- ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในเอเชียอาคเนย์ (พิเศษ I) --
.. ศิลปะฮูปแต้มบ้านเฮา ..
โดย.. นางสาว มยุรินทร์
กุลวงศ์
โบสถ์วัดไชยศรีที่เต็มไปด้วยฮูปแต้ม
ที่มา : http://www.manager.co.th/travel
สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่บรรจุอยู่ในผลงานก็คือ ความศรัทธาและความตั้งใจของคนทำ ฮูปแต้มจึงเป็นสื่อสะท้อนความคิด ความสามารถ ภูมิรู้ และทรรศนะเกี่ยวกับความงามของช่างและชาวบ้าน และสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานที่บันทึกเรื่องราวในอดีตของชุมชน ซึ่งฮูปแต้มที่ปรากฏส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตของ คนอีสานในอดีตตลอดจนเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา
โบสถ์วัดไชยศรี
ที่มา : https://tatviewsblog.wordpress.com
ในภาคอีสาน มี “สิม” เก่าแก่อันทรงคุณค่า ทรงเสน่ห์อยู่ไม่น้อย วิถีชาวอีสานใน "ฮูปแต้ม" จิตรกรรมฝาผนังเป็นงานศิลปกรรมที่มีคุณค่า บ่งบอกความเป็นมาของสังคมวัฒนธรรมไทยผ่านภาพเขียน ภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ปรากฏอยู่ในโบสถ์ ซึ่งชาวอีสานเรียกโบสถ์ว่า "สิม" สิม เป็นภาษาอีสาน มาจากคำว่าสีมา หรือ เสมา ที่หมายถึงโบสถ์ และเรียกจิตรกรรมฝาผนังว่า "ฮูปแต้ม"
สิมมีหลายแบบแต่ที่หลงเหลือให้เห็นในอีสาน ส่วนใหญ่เป็นสิมที่ก่อด้วยอิฐดิบหรืออิฐเผาฉาบปูน มีสิมโถงหรือสิมโปร่ง (อายุประมาณ 200-250 ปี) และสิมก่อผนังหรือสิมทึบ (อายุประมาณ 100-200 ปี)
ส่วนฮูปแต้มมักอยู่ด้านนอกและด้านในสิม ช่างแต้มจะบรรยายเรื่องราวๆ เกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรม ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสาน เรื่องราวที่เขียนมากที่สุดเป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา สิมจึงเป็นแหล่งความรู้สำคัญของท้องถิ่นอีสาน
ฮูปแต้มวัดไชยศรี
ที่มา
: https://tatviewsblog.wordpress.com
ฮูปแต้มวัดไชยศรี
สิมวัดไชยศรีแห่งนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ชาวอีสานเรียกกันว่า ฮูปแต้ม หรือรูปแต้ม ที่ถูกวาดลงบนผนังสิมทั้งภายนอกและภายใน โดยช่างพื้นบ้านชาวมหาสารคามชื่อ นายทอง ทิพย์ชา ด้านในจะวาดเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ ส่วนด้านนอกวาดเรื่องนิทานพื้นบ้านสังข์สินไชย เวสสันดรชาดก และภาพทวารบาล ลักษณะที่โดดเด่นสะดุดตาคือการใช้สีในโทนพาสเทล อย่างสีคราม เหลือง ขาว ทำจากวัสดุธรรมชาติดูนุ่มนวลสบายตา วัดแห่งนี้ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้ง เดิมของชาวอีสานไว้คือ ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปในสิม ซึ่งช่างเขียนตั้งใจแต้มฮูปด้านนอกด้วย เพื่อให้ผู้หญิงสามารถชมความงามของฮูปแต้มได้ด้วย วัดไชยศรีอยู่ห่างจากอำเภอเมืองขอนแก่นประมาณ 20 กิโลเมตร
ฮูปแต้มที่ผนังวัดสนวนวารีพัฒนาราม
ที่มา : https://tatviewsblog.wordpress.com
วัด สนวนวารีพัฒนาราม ตั้งอยู่ที่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น สิ่งที่สำคัญภายในวัด คือ อุโบสถ หรือ สิมโบราณที่มีลักษณะเรียบง่าย เช่นเดียวกับสิมพื้นบ้านอีสานทั่วไป ที่ผนังด้านนนอกมีฮูปแต้มหรือภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนเรื่อง สินไซ ซึ่งเป็นวรรณกรรมพื้นฐานบ้านอีสาน หรือที่ภาคกลางรู้จักกันในชื่อ สังข์ศิลป์ชัย สันนิษฐานว่าน่าจะเขียนขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 25 หรือสมัยราชกาลที่ 5 เป็นต้นมา
ฮูปแต้มมีต้นแบบเป็นงานศิลปกรรมพื้นบ้านที่เรียบง่าย มีอักษรไทยเขียนเรื่องราวกำกับ ใช้ การระบายสีและตัดเส้น ไม่แรเงา ใช้สีโทนเย็น โดนใช้สีฟ้า สีคราม สีเขียว และสีเหลืองนวลเป็นส่วนใหญ่ ตัวละครเอกแต่งองค์ทรงเครื่องโดยสวมศิราภรณ์และเครื่องประดับต่างๆ แม้ การเขียนเรื่องราวจะไม่ร้อยเรียงลำดับและสลับไปมา หรือสัดส่วนเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ก็ถือเป็นเส่นห์ของฮูปแต้มอีสานที่สร้างสรรค์งานอย่างอิสระเสรี สิมขนาดเล็กแต่ทรงคุณค่าด้วยสถาปัตยกรรม ผนังด้านข้างเจาะวงโค้งแทนการใส่บานหน้าต่างเป็นเอกลักษณ์ของช่างฝีมือชาว ญวน
ฮูปแต้มที่เสาวัดมัชฌิมวิทยาราม
ที่มา : https://tatviewsblog.wordpress.com
วัดมัชฌิมวิทยาราม ตั้งอยู่ที่ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ฮูปแต้มวาดแบบเต็มผนังเรื่องพระเวชสันดรชาดกทั้งสี่ทิศอยู่ภายนอกสิม เริ่มจากกัณฑ์ทศพรถึงนครกัณฑ์รวม 9 ห้อง มีคำบรรยายใต้ภาพทำให้เข้าใจง่าย บันไดทางเข้าสิมมีรูปปั้นพญานาค 2 ตัว
ฮูปแต้มโบสถ์วัดสระทอง
ที่มา :
https://tatviewsblog.wordpress.com
วัดสระทอง ตั้งอยู่ที่ อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น นอกจากฮูปแต้มที่สวยงามเรียบง่ายแล้ว ตัวสิมยังมีเอกลักษณ์งานช่างอีสานโดดเด่นจนได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี พ.ศ. 2544 และรางวัลอาคารทรงคุณค่าด้านการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมแห่งเอเชียและแปซิฟิก ในปีพ.ศ. 2545 จากองค์การยูเนสโก ลักษณะอาคารเป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูนขาว มีประตูเพียงด้านเดียว ยอดกลีบบัวประดับกระจกเงา วงกรอบบนของซุ้มเป็นประตูไม้แกะสลัก
ฮูปแต้มประตูโบสถ์วัดสระบัวแก้ว
ที่มา : https://tatviewsblog.wordpress.com
วัดสระบัวแก้ว ตั้งอยู่ที่ อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น สิมสร้างแบบก่ออิฐถือปูน ภายนอกและภายในงดงามด้วยฮูปแต้มเรื่องรามเกียรติ์ พุทธประวัติ นรกภูมิ สังข์สินไชย และวิถีชีวิตผู้คนในอดีต ลักษณะของฮูปแต้มแตกต่างจากวัดอื่นคือมีการใช้เส้นแบ่งองค์ประกอบภาพ ฝีแปรงและการแตะแต้มภาพบางส่วนมีลักษณะคล้ายศิลปะตะวันตกในยุคอิมเพรสชั่น นิสม์
ฮูปแต้มกระซิบรัก
ที่มา : https://travel.mthai.com/region/north/64501.html
ภาพ จิตรกรรมกระซิบรักนี้ ปัจจุบันยังคงตั้งอยู่ที่ วัดภูมินทร์ ในตัวเมืองจังหวัดน่าน ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ภาพจิตรกรรมนี้ภาษาถิ่นเรียกว่า ฮูบแต้ม หรือรูปแต้ม โดยฝีมือของ หนานบัวผัน สล่าชาวไทลื้อในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เมื่อ พ.ศ.2410 ภาพเขียนในวัดส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวชาดกในพุทธศาสนา ประกอบกับวิถีชีวิตของคน เมืองในสมัยนั้น หนึ่งในนั้นคือภาพที่ตรึงตรามาแต่ช้านานอย่างภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณกระซิบสนทนากัน จะเห็นได้ว่าสมัยนั้นผู้ชายนิยมสักหมึก ส่วนผู้หญิงก็แต่งกายไทลื้ออย่างเต็มยศ
ภาพนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งด้านองค์ประกอบและอารมณ์ ซึ่งสะท้อนความเป็นชาวไทลื้อได้อย่างไม่มีที่ติ อีกทั้งช่างวาดก็ยังมีมุมมองและแนวคิดที่ทันสมัย รู้จักนำสีสันมาใช้อย่างเช่นสีแดง ฟ้า ดำ น้ำตาลเข้ม วิธีลงฝีแปรงก็ยังคล้ายภาพวาดสมัยใหม่จนกลายเป็นสัญลักษณ์เมืองน่านไปโดยปริยาย
ในวัดภูมินทร์ ยังคงมีความงามของภาพจิตรกรรมให้เดินชมได้เรื่อยๆ ทั้งภาพวาดชีวิตความเป็นอยู่ของคนเมืองน่านในสมัยร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ที่สล่าช่างวาดยังคงใส่ฝีมือผสานจินตนาการปนความน่ารักของผู้คนไว้อย่างน่า สนใจ หรือหากจะเปลี่ยนไปชมอะไรที่เป็น “3D” หรือเรียกง่ายๆ บ้านๆ ก็คือสามมิติ ภายในบริเวณวัดก็ยังมีสถูปพระเจดีย์มาลัยโปรดโลก พร้อมรูปปั้นและฉากจำลองเมืองนรกเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้คนไม่คิดทำบาป ก็เป็นอีกหนึ่งสีสันงานศิลป์ที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายในวัดเก่าแก่คู่เมืองน่าน
: http://art-in-sea.com/th
: http://www.finearts.go.th
: https://travel.mthai.com/region/north/64501.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น