-- ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในเอเชียอาคเนย์
III --
.. ศิลปะอาคารทรงเมรุ ในอินโดนีเซีย..
โดย.. นางสาว มยุรินทร์ กุลวงศ์
ศิลปะอาคารทรงเมรุ
อาคารทรงเมรุอาจรวมถึงยอดปราสาทของอาคาร
เปรียบเทียบได้เหมือนกับยอดเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ อาคารทรงเมรุจึงมีนัยะการเป็นที่ประทับของเทพเจ้าเสมอ
อาคารทรงเมรุที่ปุระเกเห็น
ที่มา : http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth
อาคารทรงเมรุที่ปุระเกเห็น
อาคารทรงเมรุ คืออาคารทรงปราสาทในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซ้อนชั้นด้วยหลังคาลาดมุงฟางจำนวนหลายชั้น
อันเป็นสัญลักษณ์ของอาคารที่มีฐานันดรสูง เป็นที่ประทับเทพเจ้าสำคัญซึ่งมักตั้งอยู่
ณ ลานด้านในสุดของปุระ หลังคาลาดมุงฟางนี้ย่อมทำให้อาคารทรงเมรุได้รับการซ่อมแซออยู่อย่างสม่ำเสมอ
แตกต่างไปโคปุระที่สร้างด้วยอิฐหรือหินซึ่งเป็นถาวรวัตถุ
ที่ปุระเกเห็น อาคารทรงเมรุมีลักษณะพิเศษ คือมีเต่าและนาครองรับ
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นศูนย์กลางจักรวาลตามจักรวาลวิทยาแบบฮินดู
อาคารทรงเมรุที่ปุระเบซาคิห์
ที่มา
: http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth
อาคารทรงเมรุที่ปุระเบซาคิห์
อาคารทรงเมรุที่ปุระเบซาคิห์
ถือเป็นเทวาลัยที่สำคัญที่สุดในเกาะบาหลี เนื่องจากสร้างขึ้นที่เชิงเขาอากุง อันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเกาะบาหลีและถือเป็นเขาพระสุเมรุอันเป็นที่ประทับของพระศิวะ นอกจากนี้ยังเป็นเทวาลัยที่อุทิศให้กับบรรพบุรุษของราชวงศ์พื้นเมืองบาหลี หลายราชวงศ์ เช่น ราชวงศ์การังกาเซม ราชวงศ์กลุงกลุง
เป็นต้น
อาคารทรงเมรุที่ปุระตะมันอะยุง
ที่มา
: http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth
อาคารทรงเมรุที่ปุระตะมันอะยุง
อาคารทรงเมรุที่ปุระตะมันอะยุน ถูกสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2283 กษัตริย์ราชวงศ์เม็งวี อุทิศให้กับบรรพบุรุษ ในขณะเดียวกันเองก็สร้างเทวาลัยนี้อุทิศให้กับเทพเจ้าประจำภูเขาต่างๆของเกาะบาหลีด้วย
เทวาลัยแห่งนี้ มีชื่อเสียงในเรื่องการการจัดวางอาคารทรงเมรุให้เรียงกันในแถวเดียว โดยความสูงของยอดเมรุมีลักษณะลดหลั่นกัน ทำให้เกิดภูมิสถาปัตยกรรมที่งดงามยิ่ง
ทั้งอาคารทรงเมรุเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าประจำภูเขาในเกาะบาหลีหลายลูก เช่น เขาอากุง เขาบาตูเกา และเขาบาตูร์
เป็นต้น ทั้งอาคารทรงเมรุซึ่งมีหลังคาซ้อนชั้น นอกจากจะมีความหมายโดยตรงอันหมายถึงปราสาทหรืออาคารฐานันดรสูงตามคติแบบ อินเดียแล้ว
ก็ยังมีความหมายโดยนัยจากชื่อที่เรียกที่สามารถเปรียบเทียบได้กับภูเขาพระ สุเมรุ การใช้เมรุลดหลั่นกันที่ปุระตะมันอะยุง จึงแสดงสัญลักษณ์ของภูเขาที่มีการลดหลั่นทางความสูงอย่างชัดเจน
อาคารทรงเมรุที่ปุระอุลุนดานู
ที่มา
: http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth
อาคารทรงเมรุที่ปุระอุลุนดานู
ทะเลสาบบราตัน เป็นที่ตั้งของปุระอุลุนดานูซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ราชวงศ์เม็งวีใน พ.ศ.2167
เทวาลัยหลังนี้ถือว่าเป็นเทวาลัยที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะบาหลี เนื่องจากเป็นอาคารทรงเมรุที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบ
เทวาลัยหลังนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพีดานูประจำทะเลสาบซึ่งถือเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ เทพีองค์นี้แท้จริงแล้วคือภาคปรากฏของพระวิษณุผู้ดูแลรักษาโลก เนื่องจากพระองค์เป็นพระสวามีของพระนางลักษมี
เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ พระองค์จึงทรงทำหน้าที่ในการควบคุมน้ำในลำธารและแม่น้ำทั้งมวล ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงอยู่ในฐานะเทพแห่งทะเลสาบด้วย
อาคารที่มีนาคพัน
จันทิปะนะตะรัน
ที่มา
: http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth
อาคารที่มีนาคพัน
จันทิปะนะตะรัน
จันทิปะนะตะรัน
ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดของชวาภาคตะวันออก
ตั้งอยู่ใกล้เมืองบลิตาร์ เป็นจันทิที่อุทิศให้กับพระศิวะศาสนสถานแห่งนี้สร้างสมัยราชวงศ์มัชฌปาหิต
ที่ลานด้านหน้าจันทิปะนะตะรันนั้น
ปรากฏอาคารซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ เป็นอาคารที่มีเทวดาถือนาคพันอยู่โดยรอบ เทวดาทรงกิรีฏมกุฎ แต่งกายตามแบบชวาตะวันออกคือประดับไปด้วยอุบะห้อยขนาดเล็กจำนวนมาก มือหนึ่งถือระฆังซึ่งใช้ในพิธีกรรมส่วนอีกมือหนึ่งถือถือลำตัวนาค อาคารหลังนี้ยังไม่แน่ชัดว่าใช้ทำอะไร บางท่านเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการกวนเกษียรสมุทรจึงอาจเป็นไปได้ที่เป็น อาคารที่ใช้ในการเสกน้ำมนต์ การกวนเกษียรสมุทร เป็นเหตุการณ์ที่เทวดาและอสูรใช้นาคในการชักเขามันทระให้หมุนเพื่อกวนทะเล น้ำนมจนเกิดน้ำอมฤตขึ้น เมื่อเทวดาได้ดื่นน้ำอมฤต
จึงกลายเป็นผู้ไม่ตาย หรือ
“อมร”
ที่มา : http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth.html
:
http://art-in-sea.com/th/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น